Welcome Summer Trip : นอนแพ วีลแชร์ต้องไปได้

Last updated: 22 ส.ค. 2558  |  2185 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Welcome Summer Trip : นอนแพ วีลแชร์ต้องไปได้



หน้าร้อนเมืองไทย ไม่มีอะไรดีกว่าหาเวลาว่างหนีร้อนไปพึ่งเย็น ร้อนแดดแผดเผาอย่างนี้
หมีทอล์ค ขอชวนคุณไปเช็คอินในที่เย็นๆ แถวจังหวัดกาญจนบุรีกัน



กิจกรรมนี้เราตั้งชื่อว่า "Welcome Summer Trip : นอนแพ วีลแชร์ต้องไปได้" ด้วยคอนเส็ปง่ายๆ ทำยังไงก็ได้ให้เพื่อนของเราที่ใช้วีลแชร์สามารถเดินทางไปเที่ยวกับเราได้ 



สิ่งแรกที่เราเลือกคือสถานที่ที่มี "น้ำ" และ "ผู้คนไม่พลุกพล่าน" เพื่อความสำราญแบบชิลชิล น้ำที่มีต้นไม้ร่มรื่นและชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปีจะมีที่ไหนดีไปดว่ากาญจนบุรี ส่วนโจทย์ผู้คนไม่พลุกพล่านเราก็ต้องออกไปไกลสักนิด จริงอยู่แพเมืองกาญจน์มีมากมายตั้งแต่ตัวเมืองเรื่อยไปจนถึงต้นแม่น้ำแคว ... เราเลือกเช็คอินที่ "อุทยานแห่งชาติไทรโยค" ที่ห่างตัวเมืองออกไปสักนิด 

ที่นี่มีแพให้บริการมากมายหลายเจ้า เลือกมาสักเจ้าแล้วโทรคุย คำถามแรกคือ ขอแพที่วีลแชร์สามารถลงไปได้ และ ขอห้องน้ำแบบโถนั่ง เมื่อได้ตามประสงค์แล้วเราก็นัดแนะวันและเวลากัน

ออกเดินทางเช้าตรู่ในวันหยุด ขับรถชิลๆ ไปแวะชมโรงถ่ายตำนานสมเด็จพระนเรศวรกันก่อน ที่นี่พยายามมีทางลาดให้ใช้พอสมควร แต่ในส่วนของฉากต่างๆ และรถที่พาเราเขาไปชมค่อนข้างขึ้นลงไม่สะดวกนัก ไม่อยากบอกว่าวีลแชร์ไม่ต้องมา แค่อยากบอกว่าถ้ามาแล้วต้องทำใจหน่อย แต่อย่างน้อย ทหาร(เจ้าหน้าที่)ที่ดูแลพื้นที่อยู่ก็พยายามอำนวยความสะดวกเต็มที่ ทั้งช่วยยก เข็น ให้ใกล้ชิดได้มากที่สุด

ป.ล.นิดหนึ่งว่า ช่วงนี้ (เมษายน-สิงหาคม 2558) อย่าคาดหวังความอลังการที่นี่มากนัก เพราะเขารอการปิดปรับปรุงอยู่ในช่วงท้ายๆ ของฤดูฝน ถ้าแวะมาอาจจะไม่ได้ภาพตระการตาอย่างในหนัง แต่ก็พอแก้ขัดไปได้

หลังชมโรงถ่ายและอาหารเที่ยง เรามุ่งหน้าสู่อำเภอไทรโยคอันเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติไทรโยคและแพ ยิ่งขับรถใกล้จุดหมายเข้าไปมากเท่าใด เราก็ยิ่งได้เห็นความชุ่มชื้นเขียวขจีของต้นไม่มากขึ้นเท่านั้น การได้พักผ่อนสายตาจากความเคร่งเครียดกับงานประจำด้วยการมองท้องฟ้า ภูเขา เงาไม้ นับเป็นความอภิรมย์ยิ่งนัก

การลงแพของวีลแชร์ต้องทำใจนิดหนึ่งว่าไม่สามารถลงได้ด้วยตัวเอง แต่น้ำจิตน้ำใจของชาวแพและเพื่อนนักท่องเที่ยวทำให้การลงแพที่อุทยาแห่งชาติไทรโยคไม่โหดเกินไปนัก เมื่อวีลแชร์ลงไปถึงแพได้ก็วิ่งปร๋อ เพราะแพสมัยนี้พื้นเป็นไม้กระดานเรียบและแข็งแรง ไม่ใช่พื้นไม้ไผ่เหมือนแพสมัยก่อน รอไม่นานเจ้าของแพก็นำเรือมาลากจูงแพไปหาที่ผูกริมน้ำที่มีความเป็นส่วนตัว น่าเสียดายอยู่นิดหนึ่งว่า แพบางหลังมีบริการคาราโอเกะ แทนที่เราจะมาฟังเสียงลิงค่างบ่างชะนีและนกร้อง จึงต้องมาทนฟังเสียงชาวกรุงร้องคาราโอเกะกันลั่นป่า โชคดีที่เขากำหนดกันไว้ไม่เกินสี่ทุ่ม ขอบคุณที่ไม่ร้องกันทั้งคืน

กิจกรรมช่วงเย็นคือการเล่นน้ำในแม่น้ำแควน้อย ขอเตือนว่าถ้าไม่ใช่ชายหาดตื้นๆ ไม่ควรลงว่ายน้ำเพราะน้ำไหลแรงพอสมควรที่เดียว และที่เคร่งครัดมากคือห้ามลืมใส่ชูชีพ เสร็จจากเล่น(อาบ)น้ำก็ถึงเวลากิน-ดื่ม นักท่องเที่ยวจะนำอาหารไปปรุงเองก็สะดวกเพราะทางแพเขามีอุปกรณ์ทำอาการไว้ให้ แต่ถ้าชอบสบายๆ ก็สั่งอาหารเอาได้ ... กิน ดื่ม คุย กันตามอัธยาศัย ง่วงก็นอนกลิ้งกันตรงนั้น อากาศเย็นสบาย ไม่หนาว ไม่ร้อน
 
หลังค่ำคืนอันเงียบสงบ (หลังคาราโอเกะ) และเย็นสบายด้วยความร่มรื่นของต้นไม้และไอเย็นจากกระแสน้ำ มื้อเช้าเรามีข้าวต้มปลาคัง กาแฟ และปาท่องโก๋ จากนั้นก็ "ตามอัธยาศัย" บางคนเอาหนังสือมานั่ง-นอนอ่าน บางคนเล่นโทรศัพท์มือถือ-แท็ปเล็ต (สัญญาณเน็ตดีมาก) บางคนนั่งดูวิวชิลๆ บางคนพกอุปกรณ์วาดรูปมาวาดรูปเล่น 

สายหน่อยเรือจากมาลากแพไปชมวิวประมาณ 1 ชั่วโมง ... ใกล้เที่ยงเก็บข้าวของขึ้นฝั่งเตรียมกลับ    ขึ้นจากแพแล้วขับกลับมาทางเดิม แถวๆ น้ำตกไทรโยคน้อยมีร้านรวงมากมายทั้งขายของที่ระลึกและอาหาร แวะทานกลางวันแถวนี้ก็ได้ 

หลังอาหารเที่ยง คณะทัวร์ของเราขับรถมาวนแถวสะพานข้ามแม่น้ำแควแต่ไม่ได้ลงเพราะคนเยอะมากและแดดร้อนมาก จึงตรงดิ่งเข้านครปฐมแล้วแวะไปถ่ายภาพชมพูพันธุ์ทิพย์อันซีนที่ ม.เกษตรกำแพงแสนเป็นรายการสุดท้าย

สรุปว่าทริปนี้วีลแชร์ไปได้ แม้จะไม่คล่องตัวร้อยเปอร์เซ็นต์แต่รวมๆ โอเคมาก ห้องน้ำคนพิการตามปั๊มน้ำมันระหว่างทางกรุงเทพ-กาญจนบุรีถือว่ามีมากและอยู่ในสภาพใช้การได้ค่อนข้างดี นักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกันนี่แหละที่มีน้ำใจช่วยเหลือคนพิการดีมาก ... 
    
หากคุณร้อนและอยากสัมผัสความเย็นจากธรรมชาติ แพเมืองกาญจน์เป็นคำตอบให้คุณได้ ไป Check In กัน ...


Powered by MakeWebEasy.com